วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1. การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส (Bus Network)

     ใช้สายสัญญาณต่อเชื่อม ซึ่งเรียกว่า “บัส (Bus)” เป็นทางเดินของข้อมูลร่วมกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยสัญญาณจะถูกกระจายไปตลอดทั้งเส้นทาง




ข้อดีของการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส(Bus Network)
1. การใช้สายส่งข้อมูลจะใช้สายส่งข้อมูลร่วมกันทำให้ใช้สายส่งข้อมูลได้อย่างงเต็มประสิทธิภาพช่วย
    ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุง
2. เครือข่ายแบบบัสมีโครงสร้างที่ง่ายและมีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากใช้สายส่งข้อมูลเพียงเส้นเดียว
3. การเพิ่มจุดใช้บริการใหม่เข้าไปในเครือข่ายสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากจุดใหม่จะใช้สายส่งข้อมูลที่มี
    อยู่แล้วได้

ข้อเสียของการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส(Bus Network)

1. การหาข้อผิดพลาดทำได้ยาก เนื่องจากในเครือข่ายจะไม่มีศูนย์กลางในการควบคุมอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่ง
    ดังนั้นการตรวจสอบข้อผิดพลาดจึงต้องทำจากหลาย ๆ จุดในเครือข่าย
2. ในกรณีที่เกิดการเสียหายในสายส่งข้อมูล จะทำให้ทั้งเครือข่ายไม่สามารถทำงานได้
3. เมื่อมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดการชนกันของข้อมูลเมื่อมีการับส่งข้อมูล


2. การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบสตาร์ (Star Network)

     การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบสตาร์ เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางโดยใช้ฮับ (Hub) หรือสวิตช์ (Switch) เป็นจุดเชื่อมต่อและจะเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนั้นว่า “โฮสต์คอมพิวเตอร์ (Host Computer)



ข้อดีของการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบสตาร์(Star Network)
1. เครือข่ายแบบสตาร์จะมีโฮสต์คอมพิวเตอร์อยู่ที่จุดเดียวทำให้ง่ายในการติดตั้งหรือจัดการกับระบบ
2. จุดใช้งาน 1 จุด ต่อกับสายส่งข้อมูล 1 เส้น เมื่อ กิดการเสียหายของจุดใช้งานใดใน จะไม่ส่งผลกระ
    ทบต่อการทำงานของจุดอื่น ๆ

ข้อเสียของการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบสตาร์(Star Network)
1. เนื่องจากแต่ละจุดจะต่อโดยตรงกับโฮสต์คอมพิวเตอร์ ดังนั้นจึงต้องใช้สายส่งข้อมูลจำนวนมาก
    ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการติดตั้งและบำรุงรักษา
2. การเพิ่มจุดใหม่เข้าในระบบจะต้องเดินสายจากโฮสต์คอมพิวเตอร์ออกมา ทำให้การขยายระบบทำได้
    ยาก
3. การทำงานขึ้นอยู่กับโฮสต์คอมพิวเตอร์ถ้าโฮสต์คอมพิวเตอร์เกิดเสียหายขึ้นก็จะไม่สามารถใช้งาน
    เครือข่ายได้

3. การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบริง (Ring Network)

     การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบริง มีการต่อเชื่อมกันเป็นวงแหวน (Ring Network) การรับส่งข้อมูลจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การติดต่อสื่อสารจะใช้ “โทเค็น(Token)” เป็นสื่อกลางในการติดต่อภายในเครือข่าย



ข้อดีของการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบริง(Ring Network)
1. ใช้สายส่งข้อมูลน้อย ความยาวของสายส่งข้อมูลจะใกล้เคียงกับแบบบัส แต่จะน้อยกว่าแบบสตาร์
    ทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือของการส่งข้อมูลได้มากขึ้น
2. เหมาะสำหรับใช้กับเคเบิลเส้นใยแก้วนำแสง เนื่องจากจะช่วยให้ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง ข้อมูล
    ในวงแหวนจะเดินทางเดียว ในการส่งแต่ละจุดจะเชื่อมกับจุดติดกันด้วยสายส่งข้อมูลทำให้สามารถ
    เลือกได้ว่าจะใช้สายส่งข้อมูลแบบไหนในแต่ละส่วนของระบบ เช่น เลือกใช้เคเบิลใยแก้วนำแสงใน
    ส่วนที่ใช้ในโรงงานซึ่งมีปัญหาด้านสัญญาณ ไฟฟ้ารบกวนมาก เป็นต้น

ข้อเสียของการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบริง(Ring Network)
1. การส่งข้อมูลบนวงแหวนจะต้องผ่านทุก ๆ จุดที่อยู่ในวงแหวน ดังนั้นหากมีจุดใดจุดหนึ่งเสียหาย ทั้ง
    เครือข่ายก็จะไม่สามารถติดต่อกันได้ จนกว่าจะนำจุดที่เสียหายออกไป หรือแก้ไขให้ใช้งานได้
2. ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดอาจต้องทดสอบระหว่างจุดกับจุดถัดไป เพื่อหาดูว่าจุดใดเสียหาย ซึ่ง
    เป็นเรื่องที่ยากและเสียเวลามาก
3. ยากต่อการเพิ่มจุดใช้งานใหม่

สรุปเนื้อหา

     โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งได้ 3 รูปแบบ ได้แก่
1. การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส (Bus Network)
2. การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบสตาร์ (Star Network)
3. การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบริง (Ring Network)
ซึ่งในแต่ละรูปแบบก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน

ที่มา : https://wiki.stjohn.ac.th/groups/poly_computer/wiki/92856/_.html
ผู้รวบรวม : ด.ช.ภาคิน  เจริญพิทักษ์😀

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น